KANJI (漢字)
KANJI (漢字)
ตัวอักษรคันจิประมาณ 2,000 ตัวนั้น มีความจำเป็นในการอ่านหนังสือพิมพ์และการใช้งานในชีวิตประจำวัน สำหรับเด็กญี่ปุ่นต้องเรียนรู้อักษรคันจิในช่วงชั้นประถมศึกษา มัธยมต้น และมัธยมปลาย ในขณะที่ชาวต่างชาติต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการเรียนรู้อักษรคันจิที่มีอยู่มากมายเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว
หลังจากจบการศึกษาในชั้นปีแรกของระดับประถมศึกษา นักเรียนชาวญี่ปุ่นจะได้เรียนรู้ “เคียวอิกุ คันจิ” (“kyoiku kanji” 教育漢字 = อักษรคันจิเพื่อการศึกษา) ทั้ง 80 ตัว ซึ่งเป็นตัวอักษรภาษาจีนที่ถูกกำหนดโดยกระทรวงศึกษาธิการของญี่ปุ่น และเมื่อจบการศึกษาระดับชั้นประถมแล้ว พวกเขาจะได้เรียนรู้อักษรคันจิทั้งหมดเป็นจำนวน 1,006 ตัว หรืออาจมากกว่านั้น
คันจิ (ญี่ปุ่น: 漢字 Kanji ) เป็นอักษรจีนที่ใช้ในระบบการเขียนภาษาญี่ปุ่นในปัจจุบัน จัดอยู่ในประเภทอักษรคำ (Logograms) ใช้ร่วมกับตัวอักษร อีก 4 ประเภท ได้แก่ ฮิรางานะ (ひらがな, 平仮名 Hiragana) คะตาคานะ (カタカナ, 片仮名 Katakana) โรมะจิ (ローマ字 Rōmaji) และตัวเลขอารบิก
คำว่า "คันจิ" หากอ่านตามเสียงภาษาจีนกลางจะอ่านว่า "ฮั่นจื้อ" มีความหมายว่า ตัวอักษรของชาวฮั่น อันเป็นชนส่วนใหญ่ของประเทศจีน คำว่าภาษาจีนในภาษาจีนเอง ก็เรียกว่า ภาษาฮั่น (ภาษาจีนกลาง: 漢語, hànyǔ) เช่นกัน
เนื่องจากอักษรคันจิคืออักษรจีนที่นำมาใช้ในภาษาญี่ปุ่น อักษรคันจิหนึ่งจึงตัวอาจอ่านได้หลายแบบขึ้นอยู่กับรูปประโยค เป็นคำประสม หรือตำแหน่งคำในประโยคนั้นๆ การอ่านออกเสียงตัวอักษรคันจินั้นแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ
เสียงอง (ญี่ปุ่น: 音読み on'yomi ?) แปลว่า อ่านเอาเสียง เป็นการออกเสียงคันจิของคำนั้นตามเสียงภาษาจีน
เสียงคุน (ญี่ปุ่น: 訓読み kun'yomi ?) แปลว่า อ่านเอาความหมาย เป็นการออกเสียงคันจิของคำนั้นในภาษาญี่ปุ่น
ตัวอย่างเช่น 泉 จากคำว่า 温泉 (onsen) มีเสียงองคือ せん (sen) ส่วนเสียงคุนคือ いずみ (izumi) มีความหมายว่าน้ำพุ อย่างไรก็ตามมีหลายคำในภาษาญี่ปุ่นที่อ่านออกเสียงไม่ตรงกับคันจิที่เขียน ซึ่งเป็นการอ่านแบบพิเศษ โดยผู้ที่เรียนภาษาญี่ปุ่นจำเป็นต้องจดจำข้อยกเว้นเหล่านี้เอง เนื่องจากการใช้คันจิสื่อความหมายมากกว่าเสียง ตัวอย่างเช่น 上手 อ่านว่า じょうず (jouzu) แปลว่า เก่ง, เชี่ยวชาญ โดยประกอบจากคันจิ 2 ตัวคือ 上 หมายความว่า "ข้างบน, เหนือ" และ 手 หมายความว่า "มือ" ทั้งที่ปกติแล้ว 手 จะไม่อ่านออกเสียงว่า ず (zu)
พื้นฐานโดยรวมของคันจินั้นประกอบจากเส้นหนึ่งเส้น จนถึงสิบสองเส้น โดยมีตัวอักษรคันจิประมาณ 30 ตัวที่ประกอบไปด้วยเส้นเพียงแค่หนึ่งถึงสี่เส้น ซึ่งเราจะเรียนรู้มันได้ค่อนข้างง่าย นอกจากนี้อักษรหลาย ๆ ตัวนั้น เป็นการผสมรวมกันของตัวอักษรพื้นฐาน ดังนั้น ถ้าหากว่าเราพอเข้าใจพื้นฐานเบื้องต้นของตัวคันจิ เราก็สามารถเรียนรู้ระดับต่อไปได้ไม่ยาก
ตัวอักษรหนึ่งเส้น
นี่คือตัวอักษรคันจิที่มีหนึ่งเส้น
一 อิจิ ichi (いち): “หนึ่ง”
ตัวอักษรสองเส้น
อักษรคันจิทั้ง 8 ตัวนี้ ประกอบด้วยเส้นสองเส้น ดังนี้!
二 นิ ni (に) : “สอง”
七 ชิจิ shichi (しち): “เจ็ด”
八 ฮาจิ hachi (はち): “แปด”
九 คิว kyuu (きゅう): “เก้า”
十 จู juu (じゅう): “สิบ”
人 ฮิโตะ hito (ひと): “มนุษย์”
力 จิการะ chikara (ちから): “พลัง”
入 ไฮ (รุ) hai (ru) (はいる): “การเข้าถึง”
ตัวอักษรสามเส้น
เมื่อมีเส้นตัวอักษรมากขึ้น คุณก็จะรู้จักอักษรคันจิมากขึ้นด้วย อย่างน้อยก็มีจำนวนคำที่แน่นอน มีตัวอักษรคันจิ 13 ตัวที่ประกอบด้วยเส้นสามเส้น และทำให้น่าสนใจมากยิ่งขึ้น
三 ซัน san (さん): “สาม”
千 เซ็น sen (せん): “หนึ่งพัน”
上 อุเอะ ue (うえ): “บน”
下 ชิตะ shita (した): “ล่าง”
大 โอว (กี) oo (kii) (おおきい): “ใหญ่”
小 จี (ไซ) chii(sai) (ちいさい): “เล็ก”
山 ยามะ yama (やま): “ภูเขา”
川 คาวะ kawa (かわ): “แม่น้ำ”
土 ซึจิ tsuchi (つち): “ดิน”
女 อนนะ onna (おんな): “ผู้หญิง”
子 โกะ ko (こ): “เด็ก”
口 กุจิ kuchi (くち): “ปาก”
夕 ยูว yuu (ゆう): “ตอนเย็น”
อีกวิธีในการเรียนรู้ตัวอักษรคันจิก็คือ "ลองพยายามมองตัวอักษรให้เป็นภาพ"
ยกตัวอย่างเช่น ตัวอักษรคันจิที่แปลว่า “ผู้หญิง” พยายามมองให้เป็นภาพคนที่มี “กระดูกเชิงกรานกว้าง” “อุ้มเด็กทารกอยู่” การลองจำเป็นรูปภาพในบางครั้งก็ค่อนข้างมีประโยชน์ในการช่วยให้คุณจดจำตัวอักษรได้ดียิ่งขึ้น
อักษรคันจินั้นมีที่มาจากอักษรภาพ! นอกจากนี้การอ่านตัวอักษรคันจิแต่ละตัวจะเปลี่ยนแปลงไปเมื่อนำไปรวมกับคำอื่น แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะถ้าเป็นตัวอักษรคันจิพื้นฐานที่มักจะถูกพบเจอบ่อย ๆ เราจะค่อย ๆ จดจำได้เอง และสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ การหาแรงจูงใจในการเรียนอยู่เสมอ!